แบดอย่างสร้างสรรค์ ด้วยการคิดนอกกรอบ ไม่มีแซด มีแต่มุ่งมั่นและฝึกฝน ได้ก้าวข้ามผ่านความกลัวในใจ มาฟังประสบการณ์ความท้าทายกับงานสาย Creative ของ พี่อาร์ต–บวรศักดิ์ วารีหลั่ง รุ่นพี่สาขาวิชาการโฆษณาดิจิทัล คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
พี่อาร์ตมีดีกรีนักศึกษาทุน BUCA TALENT ผู้ที่ผ่านเข้าร่วมโครงการที่มีการแข่งขันสูง อย่างโครงการ Bad Student Workshop 2022: Bad To The Future มาฟังประสบการณ์ของพี่อาร์ตด้วยกันเลย
เข้าร่วมโครงการ เปิดประสบการณ์ระหว่างเรียน
พี่อาร์ตเป็นคนที่ชอบความท้าทาย เขาคว้าทุกโอกาส และพยายามที่จะสร้างโอกาสให้ตัวเอง โดยการเข้าร่วมโครงการมากมาย ตอนนั้นพี่อาร์ตมีความสนใจในการเข้าร่วมโครงการที่เกี่ยวกับด้าน Production เพราะความจริงแล้ว เขามีความฝันที่อยากจะเป็นผู้กำกับ
แต่ด้วยการที่เข้าเรียนในสายโฆษณาทำให้ในช่วงปีสุดท้ายของการเรียนมหาวิทยาลัยนั้น เขาต้องการที่จะฝากชื่อของเขาไว้กับงานโฆษณา เพื่อเป็นใบเบิกทางการทำงานในอนาคต อาทิ DOT Project, Yell Outstanding Youth Program, CDA Academy เข้ารอบ 20 คนสุดท้าย และสละสิทธิ
รวมถึงโครงการ BAD Student Workshop จัดโดยสมาคม Bangkok ART DIRECTOR’s Association พี่อาร์ตเล่าให้ฟังว่าการเข้าร่วมโครงการทำให้เราได้เห็นโลกที่กว้างขึ้น เห็นคนที่มีแพชชันในการทำอะไรเหมือนกัน และทำให้เราค้นหาตัวเองก่อนที่จะจบไปทำงานจริงด้วย
Bad Student Workshop 2022: Bad To The Future
การสมัครเข้าร่วมโครงการ ไม่ใช่แค่สมัครและสามารถเข้าไปได้เลย แต่มีการแข่งขันที่เข้มข้น เพราะผู้เข้าแข่งขันนั้นมีทั้งเด็กที่ยังเรียนอยู่ และคนที่ทำงานแล้ว เริ่มต้นโดยการที่เราต้องคิดงานตามโจทย์ที่ได้มา และส่งผลงานไปทางอีเมล โจทย์ที่ได้มาก็เป็นโจทย์จริงจากลูกค้าจริงด้วย จึงเป็นความท้าทายแรกที่เราต้องเจอ ทั้งที่เรายังไม่ได้ผ่านเข้าร่วมโครงการด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นจะมีการประกาศผู้โชคดี ตอนนั้นวินาทีที่เห็นว่าตัวเองผ่านเข้ารอบโครงการ BAD Student Workshop นั้น เขาดีใจมากและคิดว่านี่คงเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางสายครีเอทีฟ
การคัดเลือกอย่างเข้มข้น
โครงการนี้มีจุดเด่นตรงที่มีการคัดเลือกคนเข้าร่วมอย่างเข้มข้น และการเรียนที่เคร่งครัด รวมถึงมีพี่จากในวงการเอเจนซีโฆษณาชั้นนำระดับประเทศที่มากความสามารถมาสอนในหัวข้อต่าง ๆ แต่ละสัปดาห์จะมีการให้คะแนนจาก Assignment ที่ให้ในแต่ละสัปดาห์
ผู้ที่ได้คะแนนรวมสูงสุดจะได้เป็น BEST BAD STUDENT 2022 นอกจากนี้ยังมีการคัดคนออกถ้าไม่ผ่านเกณฑ์ของสมาคม “รู้สึกเหมือนเข้าบ้าน AF หรือบ้าน The Star อะไรแบบนั้นเลย เพราะมันทำให้เรารู้สึกตื่นตัวตลอดเวลา และทำให้ทุกงานผ่านกระบวนการคิดมาเป็นอย่างดี โครงการนี้เหมือนฝึกให้เราท้าทาย และก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองด้วย”
ความพิเศษของโครงการนี้มันยังไม่จบแค่นั้น เพราะถ้าใครเป็นผู้ชนะในโครงการนี้ หรือเรียกว่า Best Bad จะได้รับสิทธิ์ที่สามารถเลือกเข้าไปสัมภาษณ์งานกับเอเจนซีไหนก็ได้ โดยทางสมาคมจะเป็นคนติดต่อให้นั่นเอง สิ่งนี้แหละที่จะสามารถเป็นใบเบิกทางในอนาคตให้กับสายงานโฆษณาได้
ความรู้สึกหลังจากที่เข้าร่วมโครงการ
ความท้าทายมักจะมีความเครียดเข้าปะปนมาเสมอ ด้วยเวลาที่มีขีดจำกัดในการทำงาน รวมถึงความกลัวว่าเราจะเป็นผู้ที่ได้คะแนนน้อยสุด และต้องออกจากโครงการไป ทำให้พี่อาร์ตเริ่มหาความรู้ในสายงานโฆษณามากขึ้น
เขาอธิบายอย่างตั้งใจให้เราได้ฟัง “ถ้างานของเรามันยังไม่ตรงโจทย์ และตัวเราเองยังไม่ว้าวกับมัน การที่จะไปทำให้คนอื่นว้าวมันก็คงเป็นเรื่องที่ยาก สุดท้ายมันไม่ใช่การแข่งขันกับคนอื่น แต่มันเป็นการแข่งกับตัวเอง เพราะในการทำงานที่มีเวลาเข้ามาจำกัด มันเท่ากับว่ามันมีความกดดันด้วย”
“แต่จริง ๆ ผมว่าเราสนุกไปกับมัน และอย่าเครียดจะดีที่สุดครับ เพราะว่าเวลาเรากดดันมากเกินไป หรือเราคาดหวังกับมันมากเกินไป เราจะคิดน้อยลงและบางทีก็คิดมันไม่ออก ทำให้เราอาจจะทำงานแย่ ๆ ออกไปครับโดยที่เราไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นผมว่าเราควรชิลกับมัน อย่าไปคิดมาก และบอกกับตัวว่าเราทำดีที่สุดแล้ว อย่าไปยึดติดกับความผิดหวัง เพราะทุกคนมีวันพรุ่งนี้ที่ให้เริ่มต้นใหม่ได้เสมอครับ”
ความประทับใจที่ไม่มีวันลืม
ในการเข้าร่วมโครงการของพี่อาร์ต ได้เจอคนมากมาย ทั้งพี่ที่มาจากเอเจนซีที่มีชื่อเสียง หรือเพื่อนที่มีแพชชันและมีความสามารถมาก
การเข้าร่วมโครงการ เขาประทับใจทุกอย่างเลย เพราะพี่ที่มาให้ความรู้ก็เป็นคนที่เก่งมาก มีความเป็นกันเอง อย่างคลาสที่ชอบมากที่สุดคือ OUT OF HOME ของพี่ไผ่ จาก WUNDERMAN THOMPSON เพราะว่าเขารู้สึกว่าวิธีการคิดงานของพี่เขามันดีมาก มันทำให้เกิดแรงผลักดันบางอย่างที่ทำให้พี่อาร์ตรู้สึกหลงรัก และอยากทำงานแบบนั้นให้ได้
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการมาเรียนในโครงการนี้ มีหลายอย่างมาก ทั้งเรื่องเกี่ยวกับครีเอทีฟโฆษณา ว่างานแต่ละประเภทเป็นอย่างไร วิธีคิดควรคิดแบบไหน รวมถึงยังทำให้เรารู้ตัวด้วยว่าเราควรเป็นครีเอทีฟแบบไหน หรือค้นพบว่าเราชอบจริงไหม สิ่งนี้สำคัญกว่าการเป็นผู้ชนะโครงการ
อีกหนึ่งความประทับใจในการเข้าร่วมโครงการนี้ คือเพื่อน เพราะทุกคนช่วยให้กำลังใจ ให้คำปรึกษา และคอยเป็นเหมือนแรงผลักดันให้เขาผ่านความรู้สึกไม่ดีมาได้ “ทุกคนน่ารักกับผมมาก พวกเขาเป็นกันเองทั้งที่เราพึ่งรู้จักกัน ทุกคนไม่ได้คิดว่าเรามาแข่งกัน แต่ทุกคนคิดว่าเราจะผ่านมันไปด้วยกัน ในตอนที่ผมตัน คิดงานไม่ออก ก็มีเพื่อนนี่แหละที่อยู่คิดงานกับผมยันเช้า เอาจริง ๆ พอเรามีคนที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน และช่วยกันผ่านไปด้วยกัน มันทำให้บางช่วงเราก็ลืมความกดดัน และความท้อที่เรามีไปได้ครับ”
ส่งต่อความเชื่อมั่นจากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง
เราขอให้พี่อาร์ส่งกำลังใจให้น้องรุ่นใหม่ที่กำลังก้าวเข้าสู่โลกการทำงาน “โลกนี้ยังอีกกว้างครับ ถ้าเราคิดว่าเราเก่งแล้ว มันยังมีคนเก่งกว่าเราครับ ดังนั้นถ้าอยากท้าทายความสามารถ จงไปเจอโลกกว้าง เจอผู้คน เจอโจทย์ใหม่ ผ่านโครงการต่าง ๆ การฝึกงาน การทำงานกับผู้ที่มีประสบการณ์จริง การเรียนต่อ เพื่อหาความรู้เพิ่มเติมให้กับตัวเอง และเราจะได้ความท้าทายใหม่ตลอดเวลา”
“รวมถึงเราก็จะได้พัฒนาตัวเองไปพร้อมกันแบบที่เราไม่รู้ตัวด้วย เอาจริง ๆ ทุกความสำเร็จมันมาจากอะไรหลายอย่าง ไม่ใช่แค่ความสามารถเท่านั้น แต่มันมีทั้งเรื่องของโอกาส คอนเนคชั่น ช่วงเวลาที่เหมาะสม ความพร้อมในตัวเอง และดวง เพราะฉะนั้นเรามีหน้าที่แค่ลองทำมัน คว้าทุกโอกาส และค่อย ๆ ค้นหาตัวเองครับ”
นี่คือความ BAD อย่างสร้างสรรค์ของรุ่นพี่ที่มีดีเอ็นเอครีเอทีฟอย่างเต็มเปี่ยม ขอส่งต่อพลังความคิดสร้างสรรค์ไปให้ทุกคนเช่นเดียวกัน
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ พี่อาร์ต-บวรศักดิ์ วารีหลั่ง รุ่นพี่สาขาวิชาการโฆษณาดิจิทัล คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และโครงการ BAD Student Workshop จัดโดยสมาคม Bangkok ART DIRECTOR’s Association